ประวัติของ วันวิสาขบูชา
วันวิสาขบูชา เป็นวันที่สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ซึ่งเกิดขึ้นในวันและเดือนเดียวกัน คือ วันเพ็ญ (ขึ้น 15 ค่ำ) เดือน 6 ก่อนพุทธศักราช 80 ปี
ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดได้เกิดขึ้นเมื่อ 2,500 กว่าปีก่อน ณ ดินแดนที่เรียกว่าชมพูทวีปในสมัยพุทธกาล
ประสูติ
เหตุการณ์แรก เป็น “วันประสูติ” เมื่อนางสิริมหามายาได้ประสูติพระโอรส ณ ใต้ต้นสาละนั้น ที่ป่าลุมพินีวัน ณ เขตแดนรอยต่อระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์ของฝ่ายพระราชบิดา กับกรุงเทวทหะของฝ่ายพระราชมารดา ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือน 6 ก่อนพุทธศักราช 80 ปี
ครั้นพระกุมารประสูติได้ 5 วัน ก็ได้รับการถวายพระนามว่า “สิทธัตถะ” แปลว่า “สมปรารถนา”
ตรัสรู้
เหตุการณ์ต่อมาเป็น “วันที่เจ้าชายสิทธัตถะได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า”
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะ ออกทรงผนวชได้ 6 ปี พระชนมายุ 35 พรรษา ณ ริ่มฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ประเทศมคธปัจจุบันคือที่ตั้งพุทธคยา ในตอนเช้ามืดของวันพุธขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนหก(๖)ปีระกา ก่อนพุทธศักราช 45 ปี
ปัจจุบันสถานที่ตรัสรู้แห่งนี้เรียกว่า พุทธคยา ณ ใต้ร่มโพธิ์พฤกษ์ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม สิ่งที่ตรัสรู้ คือ อริยสัจสี่ เป็นความจริงอันประเสริฐ 4 ประการของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จไปที่ต้นมหาโพธิ์ และทรงเจริญสมาธิภาวนาจนจิตเป็นสมาธิได้ฌานที่ 4 แล้วบำเพ็ญภาวนาต่อไปจนได้ฌาน 3
ปรินิพพาน
เหตุการณ์สุดท้าย เป็น “วันเสด็จดับขันธปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า” ซึ่งเมื่อพระพุทธองค์ได้ตรัสรู้และแสดงธรรมเป็นเวลานานถึง 45 ปี จนมีพระชนมายุได้ 80 พรรษา ทรงประชวรอย่างหนัก แต่ทรงอดกลั้นมุ่งเสด็จไปยังเมืองกุสินารา ประทับ ณ ป่าสาละ เพื่อเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน
ก่อนวาระสุดท้ายของคืนในราตรีเพ็ญเดือนหก(๖) พระพุทธองค์ก็ทรงประทานปัจฉิมโอวาทว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลายอันว่าสังขารทั้งหลายย่อมมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงอันเป็นประโยชน์ของตนและประโยชน์ของผู้อื่นให้ บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด” หลังจากนั้นก็เสด็จเข้าดับขันธ์ปรินิพพาน ใต้ร่มสาลพฤกษ์ ในสาลวโนทยาน พระราชอุทยานของเจ้ามัลละ เมืองกุสินารา

ที่มา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
ธรรมเนียมการปฏิบัติใน วันวิสาขบูชา
พุทธศาสนาชนไม่ว่าจะเป็นบรรพชิต (พระสงฆ์ สามเณร) หรือ ฆราวาส (ผู้ครองเรือน) ทั่วไป จะร่วมกันประกอบพิธีเป็นการพิเศษทำการสักการบูชาเพื่อน้อมรำลึกถึงพระกรุณา พระปัญญาคุณ และพระวิสุทธิคุณของพระพุทธเจ้าผู้เป็นดวงประทีปโลก
เมื่อวันวิสาขบูชา ซึ่งตรงในวันเดียวกันได้เวียนมาบรรจบอีกครั้งหนึ่งในรอบปี คือเวียนมาบรรจบในวันเพ็ญวิสาขบูชา กลางเดือน 6 ประมาณเดือนพฤษภาคม หรือมิถุนายนของไทยเรา ชาวพุทธทั่วโลก จึงประกอบพิธีสักการบูชา การประกอบพิธีในวันวิสาขบูชา แบ่งออกเป็น 3 พิธี คือ
- พิธีหลวง (พระราชพิธี)
- พิธีราษฎร์ (พิธีของประชาชนทั่วไป)
- พิธีของพระสงฆ์ (คือพิธีที่พระสงฆ์ประกอบศาสนกิจเนื่องในวันสำคัญวันนี้)
การประกอบพิธีและบทสวดมนต์ในวันวิสาขบูชา ก็ปฏิบัติเช่นเดียวกับการประกอบพิธีในวันมาฆบูชา
ในวันนี้พุทธศาสนิกชนต่างพากันน้อมระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ด้วยการไปชุมนุมตามพระอารามต่าง ๆ เพื่อกระทำการบูชาปูชนียวัตถุอัน ได้แก่ พระธาตุเจดีย์หรือพระพุทธปฏิมา ที่เป็นพระประธานในพระอุโบสถอย่างใดอย่างหนึ่ง ด้วยเครื่องบูชามีดอกไม้ ธูปเทียน เป็นต้น
ทำบุญตักบาตร
วันวิสาขบูชาพุทธศาสนิกชนชาวไทยนิยมทำบุญตักบาตรในตอนเช้า จัดสำรับคาวหวานไปทำบุญถวายภัตตาหารที่วัด การกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ญาติที่ล่วงลับ และเจ้ากรรมนายเวร ปฏิบัติธรรม ฟังพระธรรมเทศนา รักษาศีล 5 ศีล 8 ซึ่งอาจจะมีการบำเพ็ญบุญกุศลอื่น ๆ เช่น ละเว้นการทำบาป ทำบุญถวายสังฆทาน ทำอิสระทาน ซึ่งส่วนใหญ่จะทำเกี่ยวกับการทำดีและทำตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า
เวียนเทียน
จากนั้นก็จะกระทำ ประทักษิณ หรือที่เรียกว่า เวียนเทียน รอบพระธาตุเจดีย์ หรือพระพุทธปฎิมาในพระอุโบสถ ด้วยการเดินเวียนขวาสามรอบ เพื่อรำลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ซึ่งการจุดธูปเทียนและถือดอกไม้เป็นเครื่องสักการบูชาในมือ แล้วเดินเวียนรอบโบสถ์ 3 รอบ
โดยขณะที่เดินนั้นพึงตั้งจิตให้สงบ พร้อมสวดระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ด้วยบทสวดมนตร์ตามลำดับ ดังนี้
บทสรรเสริญ พระพุทธคุณ ด้วยบท ” อิติปิโสภควา อรหังสัมมาสัมพุทโธ…พุทโธภควาติ “
บทสรรเสริญ พระธรรมคุณ ด้วยบท ” สวากขาโต ภควตาธัมโม…วิญญูหิติ “
บทสรรเสริญ พระสังฆคุณ ด้วยบท ” สุปฏิปันโน ภควโตสาวกสังโฆ…โลกัสสาติ “
เมื่อครบ ๓ รอบแล้วจึงนำดอกไม้ ธูป เทียน ไปบูชาพระธาตุเจดีย์ หรือพระพุทธรูปในพระอุโบสถ ณ ที่บูชาอันควรเป็นอันเสร็จพิธีเวียนเทียน
การแสดงพระธรรมเทศนา
จากนั้นก็จะมีการแสดงพระธรรมเทศนา ในพระอุโบสถ ซึ่งปกติจะมีเทศน์ ปฐมสมโพธิ ซึ่งเป็นเรื่องพระพุทธประวัติตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน พิธีเริ่มตั้งแต่ประชุมฟังพระทำวัตรสวดมนต์ แล้วจึงฟังเทศน์ซึ่งจะมีไปตลอดรุ่ง
นอกจากนี้อาจจะมีการ ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน วัดและสถานที่ราชการ และบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ อย่างการเก็บกวาดขยะตามบริเวณวัด หรือแหล่งชุมชน ซึ่งการทำสิ่งที่ทำให้สบายใจ ทำความดี ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเช่นนี้ จะทำให้คุณมีจิตใจที่สงบและได้บุญกุศลกลับบ้านไปด้วย

Photo by charlie suchart on Unsplash